พืชที่มีสรรพคุณทางยา 7 ชนิดของไทย

มารู้จักพืชที่มีสรรพคุณทางยา 7 ชนิดของไทย ที่ทั่วโลกต้องทึ่ง

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในดินแดนแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ได้มีเพียงวัฒนธรรมและผู้คนที่น่าประทับใจเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยขุมทรัพย์แห่งธรรมชาติที่ซ่อนเร้นอยู่ในผืนดิน นั่นคือ พืชที่มีสรรพคุณทางยา ที่สืบทอดการใช้มานับร้อยนับพันปี ในการบำบัดรักษาและส่งเสริมสุขภาพ 

ปัจจุบันองค์ความรู้เหล่านี้กำลังได้รับการยอมรับและถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก ด้วยสรรพคุณอันน่าอัศจรรย์ที่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่เริ่มเข้ามาค้นพบและนำไปพัฒนาต่อได้

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 7 สุดยอดพืชที่มีสรรพคุณทางยายอดนิยมของคนไทย เป็นส่วนหนึ่งของพืชที่มีสรรพคุณทางยาที่เราคัดมาว่ามีศักยภาพอันน่าทึ่งจากธรรมชาติที่แท้จริง ไปดูกันว่าพืชแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์และสรรพคุณโดดเด่นอย่างไร ที่จะทำให้คุณต้องให้การยอมรับในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ และมองเห็นคุณค่าของพืชพรรณธรรมชาติรอบตัวมากยิ่งขึ้น

7 พืชที่มีสรรพคุณทางยาของไทย

1. ฟ้าทะลายโจร (Andrographis paniculata (Burm.f.) Wall.ex Nees.)

ฟ้าทะลายโจร (Andrographis paniculata (Burm.f.) Wall.ex Nees.)

ในช่วงที่มีการระบาดของโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ ชื่อของฟ้าทะลายโจรมักจะถูกกล่าวถึงเสมอ มีสรรพคุณอันโดดเด่นกว่าใครในเรื่องการต้านไวรัส แก้หวัด ลดไข้ ด้วยสารสำคัญคือ แอนโดรกราโฟไลด์(Andrographolide) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ขมิ้นชัน (Curcuma longa L.)

ขมิ้นชัน (Curcuma longa L.)

สีเหลืองทองอันเป็นเอกลักษณ์ของขมิ้นชัน ไม่ได้มีไว้เพียงปรุงแต่งอาหาร แต่ยังซ่อนพลังในการรักษาโรคมากมาย มีสรรพคุณอันโดดเด่นในการบรรเทาอาการท้องอืด ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ลดความเสี่ยงของมะเร็ง ด้วยสารสำคัญอย่าง เคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoids) มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์แผนปัจจุบันว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อม ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ อัลไซเมอร์ และกำลังได้รับความนิยมในวงการเสริมอาหารทั่วโลก

3. บัวบก (Centella asiatica Urban.)

บัวบก (Centella asiatica Urban.)

ไม่ได้มีดีแค่เป็นผักเคียงจานคู่เมนูอร่อยเท่านั้น แต่บัวบกยังเป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย ทั้งการช่วยสมานแผล บำรุงสมอง ช่วยเรื่องการชะลอวัย ด้วยสารสำคัญอย่าง เอเชียติโคไซด์ (Asiaticoside) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูแผลและเสริมสร้างเซลล์ จึงนิยมใช้ในอุตสาหกรรมเวชสำอางเพื่อมาช่วยลดรอยแผลเป็น บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการบำรุงสมองและความจำอีกด้วย

4. ไพล (Zingiber montanum (Koenig ) Link ex Dietr.)

ไพล (Zingiber montanum (Koenig ) Link ex Dietr.)

เมื่อพูดถึงอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือเคล็ดขัดยอก เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึง “ไพล” เป็นอันดับแรก ๆ เพราะมีน้ำมันหอมระเหยในเหง้าไพลที่มีสรรพคุณโดดเด่นในการลดการอักเสบ ช่วยคลายกล้ามเนื้อ แก้ปวดเมื่อย บรรเทาอาการฟกช้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ นิยมนำมาทำเป็นน้ำมันไพลหรือลูกประคบสมุนไพร เนื่องจากมีฤทธิ์ต้านการอักเสบในระดับใกล้เคียงกับยาแก้ปวดแผนปัจจุบัน เป็นที่นิยมทั้งในครัวเรือนและสถานประกอบการนวดแผนไทย

5. ตะไคร้ (Cymbopogon citratus Stapf.)

ตะไคร้ (Cymbopogon citratus Stapf.)

ตะไคร้เป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยาที่คนไทยคุ้นเคยกันดี นอกจากการนำมาใช้ปรุงอาหาร ไล่ยุง หรือทำเครื่องดื่มดับกระหายแล้ว ตะไคร้ยังมีสรรพคุณอันโดดเด่นในเรื่องการขับลม ลดไขมันในเลือด บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และช่วยในการย่อยอาหาร และตะไคร้ยังมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยลดความดันโลหิต บรรเทาอาการวิงเวียน คลายความเครียด ลดความกังวล และเสริมการไหลเวียนเลือดได้อีกด้วย

6. ขิง (Zingiber officinale Roscoe.)

ขิง (Zingiber officinale Roscoe.)

พืชสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวอย่างขิงนั้น เป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยาที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเฉพาะในวงการแพทย์แผนจีนและอายุรเวท มีสรรพคุณในการบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ปัจจุบันนิยมใช้เป็นส่วนผสมในชาและอาหารเสริมเพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์หรือหลังทำเคมีบำบัดในผู้ป่วยโรคร้ายแรง

7. พญายอ (Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau.)

พญายอ (Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau.)

พญายอ หรือ “เสลดพังพอนตัวเมีย” เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณของการบรรเทาอาการจากแมลงสัตว์กัดต่อย ลดอาการอักเสบ ผื่นคัน และอาการแพ้ต่างๆ และยังรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการใช้พญายอในการรักษาเริมและโรคงูสวัด ซึ่งมีงานวิจัยที่สนับสนุนถึงฤทธิ์ต้านไวรัสของพืชชนิดนี้ ปัจจุบันมีการนำพญายอไปพัฒนาเป็นเจลสมานแผลที่ได้รับรองจาก อย. อีกด้วย

ภูมิปัญญาที่รอการต่อยอดสู่ระดับสากล

พืชที่มีสรรพคุณทางยาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพืชพรรณธรรมชาติในประเทศไทย ที่บรรพบุรุษได้สั่งสมองค์ความรู้และถ่ายทอดกันมาอย่างยาวนาน เมื่อนักวิทยาศาสตร์และแพทย์แผนปัจจุบันเริ่มให้ความสนใจและทำการศึกษาค้นคว้าสรรพคุณทางยาของพืชเหล่านี้อย่างจริงจัง ก็พบว่าหลายชนิดมีศักยภาพในการรักษาโรคและส่งเสริมสุขภาพได้อย่างน่าทึ่ง 

การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพรไทยอย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาภูมิปัญญาของชาติ แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพที่ปลอดภัยกว่าการใช้เคมีการเห็นความมหัศจรรย์ของ “ยา” ที่เติบโตจากผืนดินไทย ถือเป็นสิ่งที่ล้ำค่าและควรค่าในการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ พัฒนาเพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ยาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลต่อไป

ข้อมูลอ้างอิง

สถาบันการแพทย์แผนไทย

https://ittm.dtam.moph.go.th/index.php/garden/159-herb-dtam

รู้จัก “พญายอ” สมุนไพรฆ่าเชื้อไวรัส : 

https://www.thaihealth.or.th/รู้จัก-พญายอ-สมุนไพรฆ่/

นักวิจัยไทยสกัด‘น้ำมันจากขมิ้นชัน’ต้านสมองเสื่อม : 

https://dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=27554

ประโยชน์ของตะไคร้ : 

https://hdmall.co.th/blog/c/benefits-of-lemongrass/

ใบบัวบก บำรุงสมอง ลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ : 

https://nutrilite.co.th/th/article/centella-asiatica

สถาบันการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร : 

https://medplant.mahidol.ac.th/document/hotnews.asp?id=67

Post a comment

m About

YAYA (หญ้ายา) คือ พืชที่มีสรรพคุณทางยาจากจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และมีภูมิปัญญาในการใช้ 'หญ้ายา' เพื่อรักษาโรคมากว่า 700 ปี