น่าน ห้องสมุดมีชีวิต ดินแดนแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ

น่าน: ห้องสมุดมีชีวิต ดินแดนแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ

ลองจินตนาการว่าเรากำลังยืนอยู่บนยอดดอยสูงในจังหวัดน่านยามเช้าตรู่… อากาศเย็นสดชื่นพัดผ่านผิวกายเบา ๆ เบื้องหน้าคือทะเลหมอกสีขาวนวลที่ไหลเอื่อยคลอเคลียไปตามทิวเขาสลับซับซ้อนราวกับภาพวาด เสียงลมหายใจของป่าดังแว่วมากับสายลม ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เป็นเพียงทิวทัศน์ที่งดงามจับใจ แต่มันคือภาพสะท้อนอันยิ่งใหญ่ของคำว่า “ความหลากหลายทางชีวภาพ” (Biodiversity)

ความหลากหลายทางชีวภาพคืออะไร?

หากจะอธิบายให้เห็นภาพง่ายที่สุด ความหลากหลายทางชีวภาพไม่ใช่แค่การมีต้นไม้เยอะ ๆ หรือมีสัตว์ป่าหลายชนิด แต่คือความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตในทุกระดับชั้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้แบ่งออกเป็น 3 ระดับหลัก ๆ

  1. ความหลากหลายของระบบนิเวศ (Ecosystem Diversity): คือการมี “บ้าน” ที่แตกต่างกันของสิ่งมีชีวิต ในน่าน เราจะพบทั้งป่าดิบเขาที่ชุ่มชื้นบนยอดดอยสูง ป่าเบญจพรรณที่ผลัดใบตามฤดูกาลในที่ลาดชันเชิงเขา ป่าเต็งรังในพื้นที่แห้งแล้ง ไปจนถึงระบบนิเวศริมลำน้ำน่านและลำน้ำสาขาสายเล็ก ๆ แต่ละ “บ้าน” ก็มีสภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่แตกต่างกันไป
  2. ความหลากหลายของชนิดพันธุ์ (Species Diversity): คือการมี “เพื่อนบ้าน” ที่แตกต่างหลากหลาย ในผืนป่าน่านไม่ได้มีแค่ต้นสักหรือต้นตะเคียน แต่ยังมีพืชพรรณและสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่ร่วมกัน ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในดิน ไปจนถึงนกบนฟ้าและปลาในน้ำ
  3. ความหลากหลายทางพันธุกรรม (Genetic Diversity): คือความแตกต่างภายใน “ครอบครัวเดียวกัน” แม้จะเป็นพืชหรือสัตว์ชนิดเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างในระดับยีนส์ เช่น ข้าวพันธุ์พื้นเมืองของน่านแต่ละสายพันธุ์ ก็มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและรสชาติที่แตกต่างกันไป ความหลากหลายนี้คือหลักประกันความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตเมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง

จังหวัดน่าน: ห้องสมุดมีชีวิตแห่งขุนเขา

เมื่อเราเข้าใจความหมายแล้ว ลองกลับมามองที่จังหวัดน่านอีกครั้ง เราจะพบว่าดินแดนแห่งนี้คือตัวอย่างที่ชัดเจนของความหลากหลายทางชีวภาพอันอุดมสมบูรณ์

  • อุทยานแห่งชาติดอยภูคา

ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุด ที่นี่เป็นศูนย์รวมของป่าหลากหลายประเภท ตั้งแต่ป่าดิบเขา ไปจนถึงทุ่งหญ้าบนสันเขา ทำให้เกิดเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่ซับซ้อนและเอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตมากมาย

  • ชมพูภูคา และต้นเต่าร้างยักษ์

น่านเป็นบ้านของพืชพรรณหายากและเป็นพืชถิ่นเดียว (Endemic Species) ที่พบได้ยากในที่อื่นของโลก พระเอกที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ ชมพูภูคา (  ) พรรณไม้โบราณที่เคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว กลับมาถูกค้นพบอีกครั้งที่ดอยภูคาแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมี ต้นเต่าร้างยักษ์ (Caryota obtusa) ปาล์มขนาดใหญ่ที่พบได้ในป่าดิบชื้นของน่าน พืชเหล่านี้เป็นดั่งเพชรเม็ดงามที่ประดับผืนป่าน่านให้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

  • เลียงผา และปลาค้างคาวดอยภูคา

ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ส่งผลต่อความหลากหลายของสัตว์ป่า น่านเป็นบ้านของ เลียงผา สัตว์ป่าสงวนที่อาศัยอยู่ตามหน้าผาสูงชัน และในลำธารใสสะอาดบนดอยสูง ยังมีการค้นพบ ปลาค้างคาวดอยภูคา (Oreoglanis sudarai) ปลาหนังขนาดเล็กที่พบได้ในแหล่งน้ำในดอยภูคาเท่านั้น การมีอยู่ของสัตว์เหล่านี้คือดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของผืนป่าได้อย่างดีเยี่ยม

  • ชาวน่าน

ชาวน่าน โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เช่น ไทลื้อ มลาบรี หรือขมุ มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับป่า พวกเขาสั่งสมองค์ความรู้ในการใช้ประโยชน์จากพืชพรรณต่าง ๆ ทั้งเป็นอาหารและยาสมุนไพร รวมถึงการคัดเลือกและเก็บรักษาพันธุ์ข้าวพื้นเมืองและพืชผักท้องถิ่นที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของน่านมาอย่างยาวนาน สิ่งเหล่านี้คือคลังพันธุกรรมอันล้ำค่าที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

คุณค่าที่เราต้องช่วยกันรักษา

แน่นอนว่าความงดงามเหล่านี้เปรียบเสมือนสมบัติที่เปราะบาง กำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการใช้ที่ดิน แต่ด้วยความพยายามของทุกภาคส่วน ทั้งจากโครงการในพระราชดำริฯ ไปจนถึงความร่วมมือของชุมชน ทำให้เกิดความหวังในการปกป้องและฟื้นฟูมรดกผืนนี้ให้คงอยู่

เมื่อเราได้ตระหนักถึงคุณค่าและความมหัศจรรย์นี้แล้ว การเดินทางไปเยือนจังหวัดน่านครั้งต่อไปอาจมีความหมายมากกว่าเดิม การเลือกท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบโดยเคารพธรรมชาติและวิถีชุมชน การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เกื้อกูลสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่การแบ่งปันเรื่องราวความอุดมสมบูรณ์ของป่าน่านให้ผู้อื่นได้รับรู้ ล้วนเป็นวิธีที่เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการปกป้อง “ห้องสมุดมีชีวิต” เล่มนี้ไว้ได้

เพราะความงดงามของน่านไม่ใช่สมบัติของชาวน่านเท่านั้น แต่เป็นมรดกทางธรรมชาติของพวกเราทุกคน

ที่มาของข้อมูล:

Post a comment

m About

YAYA (หญ้ายา) คือ พืชที่มีสรรพคุณทางยาจากจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และมีภูมิปัญญาในการใช้ 'หญ้ายา' เพื่อรักษาโรคมากว่า 700 ปี