อันตรายจากยาชุดและวิธีเลือกใช้ยาอย่างปลอดภัย

ยาชุด ภัยสุขภาพที่อยู่ในวิถีชีวิตคนไทยมานานหลายสิบปี คนรุ่นใหม่อาจไม่ค่อยรู้จักยาชุดแล้ว แต่หากไปถามผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ เชื่อว่าต้องรู้จักกับยาชนิดนี้อย่างแน่นอนและบางคนอาจเคยมีประสบการณ์ใช้ยาชุดด้วย 

ยาชุด คือ ยาหลายชนิดที่ถูกจัดรวมกันเป็นชุด ภายใน 1 ชุดอาจมียา 3–5 ชนิด แต่ละชุดจะมีสรรพคุณต่างกัน เช่น ยาชุดแก้ปวดคลายเส้น ยาชุดแก้ไข้ รวมถึงยาชุดที่ช่วยเพิ่มและลดน้ำหนัก ซึ่งอาจประกอบไปด้วยยาแผนปัจจุบัน สมุนไพร หรือแม้แต่ยาปลอม ยาชุดหาซื้อได้ตามร้านของชำหรือแม้แต่ร้านยาที่ไม่ได้มาตรฐานบางร้าน แน่นอนว่าการใช้ยาชุดส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ปัญหาสุขภาพจากยาชุดในสังคมไทย

แม้ว่าในปัจจุบัน ผู้คนสามารถเข้าถึงยาและการแพทย์ได้ง่ายขึ้น แต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่มีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการในการรักษา โดยยาชุดอาจมีราคาเพียง 10 บาท/เม็ด โดย 1 ชุดจึงมีราคาไม่เกิน 30–50 บาท บางคนเข้าใจว่ายาชุดไม่ต่างจากยาที่แพทย์สั่ง บ้างก็ว่าให้ผลดีกว่ายาที่แพทย์จ่าย เพราะใช้แล้วหายเร็วกว่า

สาเหตุก็เพราะว่ายาชุดมักประกอบไปด้วยตัวยาที่ออกฤทธิ์ซ้ำซ้อนกัน เช่น ยาพาราเซตามอลและยาแอสไพรินที่มีฤทธิ์แก้ปวดทั้งคู่จึงช่วยเสริมฤทธิ์กัน หรือยาสเตียรอยด์ที่เข้าไปกดอาการ แต่ไม่ได้รักษา จึงทำให้ดูเหมือนว่าหายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งยาสเตียรอยด์มีผลข้างเคียงอันตราย หากใช้อย่างไม่เหมาะสม

กลุ่มคนที่เสี่ยงต่ออันตรายจากยาชุดคือกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะขาดความรู้เรื่องการใช้ยาและผู้สูงอายุบางส่วนคุ้นชินกับการใช้ยาชุดเหมือนเป็นยาปกติ เดิมทีผู้สูงอายุเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว การดูดซึมยาและการกำจัดยาออกจากร่างกายก็ทำได้ไม่ดี เสี่ยงต่อการตกค้างของยาและสารพิษจนเกิดอันตรายได้ ปัญหาการใช้ยาชุดจึงถือว่าเป็นความเสี่ยงสุขภาพที่คนในครอบครัวควรใส่ใจ

อันตรายจากยาชุด

ยาชุดประกอบด้วยยาหลายชนิด ซึ่งตัวยาก็มีทั้งที่เกี่ยวข้องกับอาการและไม่เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยนั้น ๆ เลย เพราะผู้ที่ทำยาชุดไม่ใช่บุคลากรทางแพทย์ การใช้ยาชุดจึงเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพได้หลายอย่าง เช่น

1. การได้รับยาเกินขนาด (Overdose)

สาเหตุหนึ่งที่ยาชุดให้ผลดีในช่วงแรกของการใช้ เพราะยาชุดอาจมียาที่ออกฤทธิ์แบบเดียวกันหลายชนิด ยาเหล่านั้นจึงช่วยเสริมฤทธิ์กัน โดยยาบางเม็ดอาจมีตัวยาถึง 2 ชนิดด้วยกัน ซึ่งร่างกายอาจได้รับยาเกินขนาดและเสี่ยงต่อผลข้างเคียงได้ เช่น

  • ปวดท้อง ท้องเสีย
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • เวียนศีรษะ
  • เลือดออกในทางเดินอาหาร
  • ไตเสื่อม
  • กระเพาะทะลุ

นอกจากนี้ ผู้ที่จำหน่ายยาชุดมักแนะนำให้ใช้ยาชุด 3 ชุด/วัน ติดต่อกัน 5 วันหรือนานกว่านั้น ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการได้รับยาเกินขนาดมากขึ้น

2. การได้รับยาโดยไม่จำเป็น

ในยาชุดประกอบด้วยยาหลายชนิด ทั้งมีฤทธิ์ที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับอาการเลย ซึ่งการใช้ยาไม่ถูกกับอาการอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงโดยไม่จำเป็น เช่น

  • ยาแก้ปวด (แอสไพรินและไอบูโฟรเฟน) เสี่ยงต่ออาการปวดท้อง แสบท้อง เลือดออกในทางเดินอาหาร เมื่อใช้ติดต่อกันอาจทำให้กระเพาะทะลุ
  • ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะ เสี่ยงต่อการดื้อยา การติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น การรักษาครั้งถัดไปไม่ได้ผล ใช้เวลารักษานานขึ้น และต้องใช้ยาที่แรงและแพงขึ้น
  • ยาบางชนิดช่วยเสริมฤทธิ์กันทำให้ได้รับยาเกินขนาด ยาบางชนิดต้านฤทธิ์กันทำให้ยาไม่ได้ผล
  • อาการแพ้ยารุนแรง เช่น ปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ ผื่นแดงตามร่างกาย ใบหน้าหรือลำคอบวม หายใจลำบาก ช็อก และเสียชีวิต

3. ผลข้างเคียงจากยาสเตียรอยด์

ข้อนี้คล้ายกับข้อก่อน แต่เนื่องจากยาสเตียรอยด์เป็นยาที่มีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ซึ่งยาสเตียรอยด์จะออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย การใช้ผิดวิธีหรือการใช้โดยไม่จำเป็นทำให้เกิดความผิดปกติได้หลายระบบ

  • ผลข้างเคียงระยะสั้น: บวมน้ำ ขาบวม เท้าบวม ความดันโลหิตสูง อารมณ์แปรปรวน สับสน เพ้อ เกิดปัญหาด้านความจำและพฤติกรรม ปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหารและลำไส้ หน้าบวม คอบวม น้ำหนักขึ้น
  • ผลข้างเคียงระยะยาว: หน้าบวมคล้ายวงพระจันทร์ ต้อหิน ต้อกระจก น้ำตาลในเลือดสูง โรคเบาหวาน ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ติดเชื้อได้ง่าย โรคกระดูกพรุน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง แผลหายช้า ผิวหนังช้ำง่าย

การใช้ยาชุดที่มียาสเตียรอยด์จึงส่งผลเสียต่อสุขภาพได้มหาศาล โดยผลข้างเคียงในข้างต้นอาจทำให้เกิดโรคและภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายตามมาได้

4. ยาปลอมและยาผิดกฎหมาย

แม้ยายุคใหม่จะหาซื้อได้ง่าย ทั้งยาแผนปัจจุบันและสมุนไพร แต่ในวงการยาชุดยังมีการใช้ยาปลอมผสมยาจริงมาขาย อย่างยาลูกกลอนที่ผสมสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นการผลิตยาที่ผิดกฎหมาย ไม่มีมาตรฐานการผลิต ไม่มีการตรวจสอบสารปนเปื้อนในยา (โลหะหนัก เชื้อโรค ยาฆ่าแมลง) หรือปริมาณตัวยาที่เหมาะสม การใช้ยาลูกกลอนและยาปลอมจากยาชุดจึงมีความเสี่ยงที่จะทำให้คุณได้รับสารพิษมากกว่ายาที่ช่วยรักษาโรค

วิธีเลี่ยงอันตรายจากยาชุดและการใช้ยาอย่างปลอดภัย

ดูจากอันตรายของยาชุดแล้ว เชื่อว่าไม่มีใครอยากใช้ยาชนิดนี้ในการรักษาโรคอย่างแน่นอน แม้จะให้ผลดีในช่วงแรก แต่อาจตามมาด้วยผลข้างเคียงอันตรายที่ไม่คุ้มค่ากับสุขภาพที่ต้องเสียไป

ซึ่งวิธีต่อไปนี้จะช่วยลดป้องกันอันตรายจากยาชุดและช่วยให้คุณเลือกใช้ยาชนิดอื่นได้อย่างปลอดภัย

  • ให้ความรู้กับผู้สูงอายุภายในบ้านถึงอันตรายของยาชุด ผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้ยาชุดในผู้สูงอายุชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้สูงอายุมักเลือกซื้อยาชุดหรือยาอื่น ๆ ตามที่คนในครอบครัวแนะนำ
  • ซื้อยาจากร้านยาที่ได้มาตรฐาน โดยสังเกตจากป้ายทะเบียน ชื่อเภสัชกร เวลาปฏิบัติงาน บรรยากาศภายในร้าน ควรสว่าง อากาศถ่ายเท มีเครื่องปรับอากาศเพื่อรักษาคุณภาพของยา และซื้อยาจากเภสัชกรเท่านั้น
  • เลี่ยงการซื้อยาที่ไม่มีฉลากระบุแน่ชัดและยาที่มีอ้างสรรพคุณเกินจริงหรือมีฤทธิ์ครอบจักรวาล
  • ก่อนซื้อยาทุกครั้ง ควรแจ้งอาการ อายุ โรคประจำตัว และยาที่แพ้ก่อนเสมอ
  • ควรสอบถามพร้อมจดวิธีใช้ยาอย่างถูกต้อง เช่น ใช้ยากี่ครั้งต่อวัน ปริมาณการใช้ ระยะเวลาการใช้ที่แน่นอน และผลข้างเคียงที่อาจพบ เป็นต้น หากลืมหรือมีข้อสงสัย ควรโทรสอบถามร้านยา
  • เลือกซื้อยาที่มีมาตรฐาน เช่น บรรจุภัณฑ์ที่แน่นหนา ไม่มีรอยรั่วหรือฉีกขาด มีเครื่องหมายรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. หรือตรามาตรฐานอื่นที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานรัฐ
  • หากเลือกซื้อยาจากพืช ควรสังเกตว่าเป็นสมุนไพร (อัดเม็ด/แคปซูล) หรือยาจากพืชแบบสกัด ซึ่งยาแบบสกัดมีสารสำคัญในปริมาณที่แน่นอนและคงตัวมากกว่า ช่วยให้ใช้ยาจากพืชได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยดูได้จากชื่อสารสำคัญบนฉลากและคำว่าสารสกัด ตามด้วยชื่อของพืช
  • หากใช้ยาแล้วอาการไม่ทุเลา อาการรุนแรงขึ้น หรือเกิดผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันอันตรายจากยาชุดและช่วยให้ใช้ยาได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น

ยายังคงเป็นปัจจัยสำคัญของมนุษย์ตราบเท่าที่มนุษย์เรายังคงมีการเจ็บป่วย ซึ่งการเลือกใช้ยาที่มาจากธรรมชาติและผ่านการคัดสรร สกัด ทดสอบ และรับรองด้วยกระบวนการทางเภสัชศาสตร์สามารถช่วยให้เราใช้ยาได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ทั้งกายและใจเพื่อลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาสุขภาพ


ที่มา1, ที่มา2, ที่มา3

Post a comment