เทรนด์สุขภาพใหม่ อาหารและยาจาก ‘พืช’

ช่วงที่ผ่านมาทั่วโลกต้องเผชิญกับโรคโควิด-19 ที่ทำให้หลายคนต้องสูญเสียบุคลลอันเป็นที่รักไป ในขณะที่บางคนเริ่มมีภาวะสุขภาพที่เปลี่ยนไป คนที่เคยป่วยเป็นโรคโควิดบางคนรู้สึกร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน หรือบางคนที่อาจไม่เคยเป็นโรคนี้ก็เริ่มกังวลและหันมาใส่ใจดูแลตนเองมากขึ้น ทำให้ทุกคนเริ่มตระหนักได้ว่าเรื่องของการดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ไม่จำเป็นต้องรอให้เจ็บป่วยก่อน แต่ควรดูแลเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ และเทรนด์การบริโภคอาหารที่มาจากพืชก็เป็นที่ได้รับความนิยมเพราะเชื่อว่าเป็นการนำเอาสิ่งที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกาย

บริโภคผลิตภัณฑ์จากพืช

การเลือกบริโภคอาหารเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คนมีสุขภาพที่แข็งแรงได้ และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตั้งแต่เล็กจนโต คนเรามักจะถูกปลูกฝังว่าการกินอาหารที่เป็นพืช ผัก ต่าง ๆ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและลดสาเหตุของการเกิดโรคได้มากกว่าการกินเนื้อสัตว์ ช่วงที่ผ่านมาเราจึงได้ยินชื่อ ‘Plant Based Food’ หรือ การบริโภคอาหารที่มาจากพืชกันอย่างหนาหู โดย Plant Based Food จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพืช 95% ขึ้นไป เป็นพืชที่มาจากตระกูลถั่ว ผักผลไม้ และธัญพืชต่าง ๆ แม้จะเป็นอาหารที่ทำจากพืชก็จริงแต่มีการแต่งสี แต่งกลิ่น รูปร่าง รวมถึงรสชาติไม่ต่างจากการกินเนื้อสัตว์ 

การบริโภคอาหารที่มาจากพืช ไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์เท่านั้น แต่เชื่อหรือไม่ว่าการบริโภคอาหารจากพืชยังมีส่วนช่วยลดโลกร้อนอีกด้วย

ปัจจัยที่ทำให้เกิดโลกร้อนมีด้วยกันหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขนส่ง การใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงอาหารการกินก็มีส่วนทำให้โลกร้อนเช่นกัน ซึ่งการหันมาบริโภคอาหารจากพืชก็จะทำให้วัฏจักรของอาหารน้อยลง ในขณะที่การบริโภคเนื้อสัตว์จะมีวัฏจักรหลายขั้นตอนกว่าจะได้มาเป็นอาหารให้คนบริโภค ก่อเกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ต้นเหตุของปัญหาโลกร้อน ดังนั้น การหันมาบริโภคอาหารจากพืชจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยบรรเทาปัญหาโลกร้อนได้

ขณะเดียวกันอีกเทรนด์ที่น่าสนใจ นั่นคือ การหันมาใช้ยารักษาโรคที่มาจากพืช แม้ว่าทุกคนจะคุ้นเคยกันดีเพราะหาซื้อได้ง่าย แต่การจะทำให้ยาจากพืชกลายมาเป็นเทรนด์ที่ทุกคนสนใจและเลือกบริโภคได้นั้น ยังคงต้องอาศัยหลายปัจจัยด้วยกันเพื่อให้ได้ยาจากพืชที่มีมาตรฐานไม่ส่งผลเสียต่อผู้บริโภค

ยาจากพืช

ปัจจุบันหลายหน่วยงานได้เห็นความสำคัญของการนำพืชมาทำเป็นยา ที่ต่างจากรูปแบบที่เราบริโภคกันในปัจจุบัน และหากจะเท้าความถึงคุณค่าและสรรพคุณของยาจากพืช เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนรับรู้กันมาตั้งแต่สมัยอดีต เนื่องจากปู่ ย่า ตายาย  พ่อแม่ต่างถูกเลี้ยงมาด้วยการรักษาโรคด้วยยาจากพืช แต่ในปัจจุบันมียาสมัยใหม่ หรือยาที่ทำจากเคมีเข้ามาเป็นทางเลือกให้ผู้ป่วย ซึ่งแพทย์หรือเภสัชกรต่างจ่ายยาให้กับคนไข้ในโรงพยาบาลด้วยยาสมัยใหม่นี้ ทำให้ยาที่มาจากภูมิปัญญาดั้งเดิมอาจถูกลืมเลือนและไม่ค่อยถูกหยิบยกมาใช้ในการรักษาโรคเท่าไหร่นัก

แต่เนื่องจากโรคระบาดที่ผ่านมา ยาจากพืชดั้งเดิมของไทยถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง นั่นก็คือ ‘ฟ้าทะลายโจร’ ที่มีฤทธิ์ในการช่วยฆ่าเชื้อ ลดอาการไอ เจ็บคอ จากอาการโควิดได้ และมีช่วงหนึ่งที่ฟ้าทะลายโจรถึงกับขาดตลาด สะท้อนให้เห็นว่าแท้จริงแล้วยาจากพืชยังคงมีคุณค่าและมีสรรพคุณที่ช่วยบรรเทาอาการป่วยให้กับผู้คนได้ดีไม่แพ้กับยาสมัยใหม่ ที่สำคัญราคาย่อมเยาและประชาชนเข้าถึงได้ง่ายเพียงแค่เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ หรือหาซื้อตามร้านขายยาทั่วไป

แม้นี่จะเป็นสัญญาณที่ดี ที่ผู้คนหันมาเห็นคุณค่าของยาจากพืช แต่การจะทำยาแบบเเก่าอาจจะได้ผลที่ไม่ยั่งยืน และการต่อยอดยาจากพืชจึงเป็นเรื่องสำคัญ แม้ตัวยาจะมีอยู่ในพืชจริงแต่ยาจากพืชในปัจจุบันที่บริโภคกัน อาจไม่ได้มีการวิเคราะห์หรือสกัดสารสำคัญออกมาชัดเจน ทำให้ต้องบริโภคทีหลายเม็ด หรือไม่สามารถกะปริมาณในการบริโภคที่ชัดเจนได้ ชี้ให้เห็นภาพง่าย ๆ เปรียบเหมือนยาต้มที่ไม่สามารถคาดเดาปริมาณที่ควรดื่มเพื่อรักษาโรค ได้แต่ใช้การสังเกตเอาเท่านั้น

การยกระดับยาจากพืช

การจะยกระดับยาจากพืชให้ก้าวไกล และมีคุณค่าในการรักษาโรคได้อย่างแพร่หลาย ปัจจัยสำคัญคือการร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา วิจัย โดยตรง เพราะแม้เราจะมั่นใจในตัวยาที่อยู่ในพืชมากแค่ไหนแต่การจะทำให้พืชนั้น ๆ น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะสร้างความน่าเชื่อถือในระดับนานาชาติได้ จะต้องมีการทดสอบด้วยหลักวิทยาศาสตร์ วิเคราะห์กันตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก ทำการศึกษาจนกว่าจะได้สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในการรักษาโรคที่ดีที่สุด และสามารถบ่งชี้ได้ว่าตัวยานั้น ๆ มีสารสำคัญที่จำเป็นต่อการรักษาโรคมากน้อยแค่ไหน เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของยาจากพืชหรือยาสมุนไพรในปัจจุบัน ที่อาจจะระบุจำนวนหรือสารสำคัญในการรักษาโรคได้ไม่แน่ชัดร้อยเปอร์เซ็นต์ 

เทรนด์สุขภาพยุคใหม่ ‘ยาจากพืช’

ที่ต้องเรียกว่าเป็นเทรนด์สุขภาพยุคใหม่ เพราะแน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อว่ามาจากพืชมีข้อดีมากมาย และหากมีการพัฒนายาจากพืชให้มีประสิทธิผลในการรักษาโรคได้เท่าเทียมหรือมากกว่ายาจากเคมี แน่นอนว่าผู้ป่วยรวมถึงประชาชนเองจะมีความเชื่อมั่น และมั่นใจได้ว่ายาจากพืชจะไม่ทำให้เกิดสารเคมีตกค้างในร่างกาย ต่างจากยาจากเคมีที่หากบริโภคนานวันอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น โรคตับ โรคไต เป็นต้น

การผลักดันให้ผู้คนเห็นความสำคัญของยาจากพืช 

อาหารจากพืชให้ประโยนช์แก่ผู้บริโภคฉันใด ยาจากพืชก็ให้ประโยชน์ต่อร่างกายทุกคนไม่ต่างกัน แม้ว่าเราจะบริโภคยาก็ต่อเมื่อมีอาการเจ็บป่วยเท่านั้น แต่คงจะดีกว่าหากทุกคนได้บริโภคยาที่มาจากธรรมชาติ ไม่มีสารปนเปื้อนหรือสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในอนาคต เมื่อแนวทางการพัฒนายาจากพืชสำเร็จ การผลักดันให้ผู้คนเห็นความสำคัญและอนุรักษ์พืชที่เป็นยาก็คือเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะปัจจุบันพืชที่เป็นยาสามารถพบได้ทั่วไปในป่า โดยเฉพาะป่าสงวนชั้นหนึ่งของประเทศไทยในพื้นที่จังหวัดน่าน ที่เต็มไปด้วยสรรพยา และเมื่อทุกฝ่ายหันมาเห็นคุณค่าของยาจากพืชแล้ว ผู้คนก็จะเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำน่าน ป่าที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนไทยทุกคน

Post a comment