3 ตัวยาจากพืช ภูมิปัญญาในอดีตสู่ยาสมัยใหม่
หากพูดถึงยาจากพืช หลายคนอาจจะคิดถึงภาพยาโบราณ ยาสมุนไพร หรือยาต้มที่คนสมัยก่อนนิยมกัน พอนึกถึงภาพเหล่านี้ คนสมัยใหม่อาจรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถือและไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับ แต่รู้รึเปล่าว่ายาแผนปัจจุบันบางชนิดที่เราใช้กันในปัจจุบันมีพื้นฐานมาจากความเชื่อในอดีต และไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น ยาบางชนิดที่ใช้กันทั่วโลกก็มีอยู่ในบันทึกมาตั้งแต่สมัยโบราณ บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ 3 ตัวยาจากพืชที่ผู้คนใช้กันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ยาจากพืชสู่ยาสมัยใหม่
แม้จะเป็นยาจากพืชและเคยมีเรื่องความเชื่อในอดีตมาเกี่ยวข้อง แต่ในปัจจุบันยาจากพืชเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์จนได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย
แอสไพริน (Aspirin)
แอสไพริน หรือ ‘อะซิทิลซาลิไซลิก แอซิด’ (Acetylsalicylic Acid) ยาแก้ปวดแผนปัจจุบันที่หลายคนรู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก แต่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ายาชนิดนี้มีที่มาจากพืช ซึ่งก็คือเปลือกไม้ของต้นหลิว (Willow) ประวัติการใช้เปลือกของต้นหลิวเป็นยาจากพืชเพื่อรักษาการเจ็บป่วยมีบันทึกย้อนกลับไปหลายพันปีจากจารึกบนกระดาษปาปิรุสของชาวอียิปต์โบราณและชาวสุเมเรียนที่เป็นอารยธรรมเก่าแก่ของมนุษย์
ในปัจจุบันยาแอสไพรินไม่ได้มีฤทธิ์เฉพาะบรรเทาอาการปวดเท่านั้น แต่แพทย์ยังอาจสั่งจ่ายแอสไพรินให้กับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเพื่อลดความเสี่ยงภาวะหัวใจขาดเลือด (Heart Attack) และโรคหลอดเลือดสมองหรือ Stroke ด้วย
จากข้อมูลการศึกษากว่าหลายทศวรรษ วงการการแพทย์ยังค้นพบว่า ยาแอสไพรินมีส่วนช่วยลดอัตราการลุกลามและการเสียชีวิตชีวิตจากโรคมะเร็งบางชนิดด้วย โดยในแต่ละปียังมีการศึกษาเกี่ยวกับยาชนิดนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่แน่ว่าในอนาคต เราอาจค้นพบสรรพคุณลับของแอสไพรินนี้มากขึ้นอีก
มอร์ฟีน (Morphine)
มอร์ฟีนเป็นยาแก้ปวดที่ใช้ระงับอาการปวดระดับปานกลางถึงรุนแรง บรรเทาอาการได้หลายแบบ ตั้งแต่อาการปวดท้อง ปวดหัว ปวดกระดูก หรืออาการปวดรุนแรงที่เป็นผลมาจากการรักษามะเร็งและอาการปวดในผู้ป่วยระยะสุดท้าย
กว่าจะเป็นมอร์ฟีนในปัจจุบัน ต้นฝิ่น (Opium Poppy) เริ่มการเดินบนหน้าประวัติศาสตร์ในฐานะยาจากพืชตั้งแต่ราว 4,000 ก่อนคริสตกาลหรืออาจนานกว่านั้น โดยชาวสุเมเรียนนำมาใช้เป็นยาแก้ปวด ไล่มาถึงอียิปต์ กรีก จนถึงในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ฝิ่นกลายมาเป็นยาเสพติดที่คนจีนต้องการอย่างมาก
จะเห็นได้ว่าพืชชนิดนี้สามารถให้คุณและโทษได้มากมาย แต่การนำเอาเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้และสกัดยาออกมาอย่างเหมาะสม ก็จะได้ยาที่มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ในการรักษาโรค
ฟ้าทะลายโจร (Andrographis Paniculata)
ฟ้าทะลายโจรเป็นพืชพื้นบ้านของไทยที่มีประวัติการใช้รักษาโรคมาแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นแก้ไข้ แก้ปวด แก้เจ็บคอ ต้านการอักเสบ หรือจะเป็นในเรื่องการสุขภาพทางเดินอาหาร ซึ่งส่วนหนึ่งก็มีที่มาจากตำราอายุรเวชของอินเดียที่มีอายุเก่าแก่หลายพันปีและเป็นรากฐานของแพทย์แผนไทย
ยิ่งในช่วงการระบาดของโควิด-19 ยาโบราณอย่างฟ้าทะลายโจรเข้ามามีบทบาทในการบรรเทาอาการไข้หวัดที่เกิดจากโควิด-19 อย่างมาก ตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะเห็นว่ายาฟ้าทะลายโจรมีทั้งแบบบดผงที่เป็นตำรับแบบดั้งเดิม กับยาฟ้าทะลายโจรแบบสกัดที่นำเฉพาะตัวยา ‘แอนโดรกราโฟไลด์’ (Andrographolide) ออกมา ซึ่งแบบสกัดจะมีปริมาณยาที่แน่นอน ทำให้ใช้ได้ง่าย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงกว่า แม้ยาจากพืชชนิดนี้ยังไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในบัญชียาแผนปัจจุบัน แต่ก็ถือว่าเป็นยาโบราณที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสมัยใหม่ โดยเฉพาะยาฟ้าทะลายโจรแบบสกัดที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ยาแผนปัจจุบัน
และนี่คือตัวอย่างของยาสมัยใหม่ที่พัฒนามาจากภูมิปัญญาในการรักษาโรคของคนในอดีต ซึ่งการนำเอาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานกับความรู้ดั้งเดิมช่วยให้ทุกคนสามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ข้อมูลเหล่านี้จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พิสูจน์ได้ว่าการใช้ยาจากพืชเพื่อรักษาโรค ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความเชื่อ แต่เป็นความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์